เด็กหญิงจิดาภา วาจรัต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/3 เลขที่ 28
เกิดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2541
เบอร์โทร 088-1203856
วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556
ชื่อตัวตุุ๊กตาบราย
"น้องบลายธ์ตัวจิ๋ว" หรือ Petite Blythe ถือกำเนิดมาครั้งแรกใน เดือนมิถุนายน ปี 2002 ซึ่งก็คือ ครบรอบ 1 ปีหลังจากที่ CWC และ Takara ได้ผลิต Blythe รุ่นแรก (CWC Limited Edition: PARCO Limited) ในโอกาสครบรอบ 1 ปีนี้ น้องบลายธ์ตัวใหญ่จึงมีคำนำหน้าว่า NEO Petite Blythe ตัวเล็กจะแตกต่างจาก Neo Blythe ตัวใหญ่ ก็คือ มีขนาดเพียง 4 นิ้ว และมีสีตาสีเดียวเท่านั้นค่ะ ... เรื่องของราคานั้นก็ย่อมเยาไปตามขนาดเช่นกันค่ะ อย่างเจ้าตัวเล็กนี่ก็สนนราคาอยู่ที่ราวๆ สามพันบาท ส่วนความเป็นมาของน้อง Petite Blythe นั้นก็เป็นเช่นนี้ค่ะ ปี 2002

Petite Blythe รุ่นแรกๆ จะไม่สามารถปิดตาและโพสท่าได้ และมีสายห้อยสำหรับพวงกุญแจตุ๊กตา Petite Blythe รุ่นแรกที่ผลิตออกมาก็คือ PBL Kozy Kape Inspired และมี Petite Blythe แบบนี้ผลิตออกมาประมาณ 15 รุ่น
ปี 2003ต่อมาใน ปี 2003 CWC ก็ได้ออก น้อง Petite Blythe รุ่นใหม่ (New Eye & Body versions) ที่สามารถ โพสท่า และปิดตาได้ เมื่อจับตัวตุ๊กตานอนลง แต่ในส่วนรองเท้าก็ยังเป็นเพนท์สีเหมือนเดิม รุ่นแรกที่ผลิตออกมาเป็นแบบ New Eye & Body type ก็คือ PBL-16: Hollywood Returns
ภาพของ Petite Blythe Cutie March (PBL-39) ซึ่งเป็นแบบ New Eye and Body เวลาถอดเสื้อผ้าจะเห็นข้อต่อ ซึ่งทำให้ขยับแขน-ขา ได้ รวมถึงจะเห็นว่าส่วนรองเท้าจะเป็นการเพนท์สี และจะสังเกตได้ว่าจะไม่มีเสื้อผ้าชั้นใน จะเป็นทาสีเช่นกัน ไม่เหมือนกับ Neo Blythe ตัวใหญ่ที่จะมีเสื้อผ้าจริงค่ะ
ภาพของ Petite Blythe Cutie March (PBL-39) ซึ่งเป็นแบบ New Eye and Body เวลาถอดเสื้อผ้าจะเห็นข้อต่อ ซึ่งทำให้ขยับแขน-ขา ได้ รวมถึงจะเห็นว่าส่วนรองเท้าจะเป็นการเพนท์สี และจะสังเกตได้ว่าจะไม่มีเสื้อผ้าชั้นใน จะเป็นทาสีเช่นกัน ไม่เหมือนกับ Neo Blythe ตัวใหญ่ที่จะมีเสื้อผ้าจริงค่ะ
ปี 2004และในปี 2004 CWC ได้ออก Petite Blythe ที่มีคำนำหน้าว่า “Perfect” ซึ่งก็คือการนำ Petite Blythe ในเวอร์ชันแรกออกมาทำใหม่ เป็นแบบ New Eyes & Body type ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น Perfect Rosie Red, Perfect Preisley Star และ Perfect Asian Butterfly
ปี 2006
จนกระทั่ง ปลายปี 2006 จึงมี Petite Blythe เวอร์ชันใหม่ที่สามารถเปลี่ยนรองเท้าได้ และไม่ได้ใช้วิธีการเพนท์สีอีกต่อไป Petite Blythe ที่ออกมาเป็นแบบ TIPTOE ในเดือนพฤศจิกายนก็คือ Alps Letter และ Skate Date Returns จนถึงรุ่นปัจจุบันนี่ล่ะค่ะ
ประวัติตุ๊กตาบราย
ตุ๊กตา บลายธ์ ถือกำเนิดในปี 2515 (ค.ศ. 1972) ผลิตโดยบริษัท เค็นเนอร์ (Kenner) ในสหรัฐอเมริกา โชคร้ายสำหรับเค็นเนอร์ ที่ตุ๊กตาขายไม่ดี เลยผลิตจำหน่ายแค่เพียงปีเดียวก็ยุติการผลิต แต่เป็นโชคดีของผู้มีตุ๊กตาบลายธ์ที่ผลิตในปีนั้นไว้ในครอบครอง เพราะปัจจุบัน นักสะสมตุ๊กตาระดับมืออาชีพ ต่างควานหาตุ๊กตารุ่นนี้กันให้ควั่ก แถมให้ราคาดี ซึ่งจะ”ดีมาก” หรือ “ดีมากๆ”ขึ้นอยู่กับสภาพของตุ๊กตา กล่าวกันว่าราคาซื้อขายทั่วไปจะอยู่ที่ตัวละ 1,000กว่าดอลลาร์ขึ้นไป ส่วนตุ๊กตาบลายธ์ที่ผลิตใหม่ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ที่เรียกว่า นีโอ บลายธ์ (Neo Blythe) เวลาจะขายทอดตลาดก็มักได้ราคาไม่ต่ำไปกว่าราคาที่ซื้อมา เรียกว่ามีไว้ไม่ขาดทุน ยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด (limited edition) ก็ยิ่งได้ราคาดีเป็นพิเศษ
อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าบลายธ์เป็นสินค้าที่ล้ำยุคไปหน่อย เลยไม่เวิร์คในปีเปิดตัว ที่ว่าล้ำยุคเพราะเธอมีหัวโต ตัวผอม ความสูง 11.5 นิ้ว เวลากอดก็ไม่ค่อยจะอบอุ่น เรียกว่าเธอเป็นตุ๊กตาที่ไม่โดนใจเด็กผู้หญิงในยุค 30กว่าปีที่แล้ว แต่ส่วนดีของบลายธ์ คือ ดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านที่หลับได้ เปิดได้ แล้วเวลาเธอเปิดเปลือกตาแต่ละครั้ง ลูกตาของเธอจะเปลี่ยนสีได้ถึง 4 สี คือ ฟ้า ส้ม ชมพู เขียว แถมตาดำยังเปลี่ยนตำแหน่งได้ ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาที่สามารถเหลือบตามองใคร หลังจากที่บริษัท ฮาสโบร ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ซื้อกิจการของบริษัท เค็นเนอร์ ผู้ให้กำเนิดตุ๊กตาบลายธ์ ( ซึ่งตอนนั้นเค็นเนอร์ถูกซื้อกิจการโดยบริษัท ท็องก้า ทอยส์ มาก่อนแล้ว จากนั้นท็องก้า ทอยส์ จึงถูกฮาสโบรซื้ออีกทอด) ฮาสโบรก็ได้สิทธิ์ในการผลิตตุ๊กตาแฟชั่นตาโตตัวนี้มาด้วย บริษัทให้สิทธิ์ในการผลิตตุ๊กตาบลายธ์แก่ผู้ผลิตรับช่วงรายอื่นด้วย ได้แก่ บริษัท ทาคาระ (Takara) ได้รับสิทธิ์ในการผลิตปี 2544 เป็นต้นมา และบริษัท แอชตั้น เดรค (Ashton Drake) ปี 2547
ส่วนบริษัทที่รับหน้าที่บริหาร จัดการลิขสิทธิ์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับตุ๊กตา บลายธ์ รวมทั้งสิทธิ์ในการนำตุ๊กตาตัวนี้ไปใช้ในงานโฆษณา และการผลิตจำหน่ายในเอเชีย คือ บริษัท ซีดับเบิ้ลยูซี (CWC) ซึ่งตั้งอยู่ที่ญี่ปุ่น บริษัทนี้ยังดูแลการจัดนิทรรศการ และการแสดงแฟชั่นโชว์การกุศลประจำปี ! ของตุ๊กตาบลายธ์ด้วย สาวก…อุ๊บส์..แฟนๆพันธุ์แท้ของแม่หนูตาโต “บลายธ์” (ซึ่งแต่ละรุ่นมีชื่อเรียกน่ารักๆ เช่น โรซี่ เร้ด ฮอลลี่ วู้ด ซันเดย์ เบสต์ ฯลฯ) เขาจับกลุ่มกันเป็นชุมชนทั้งบนดินและบนเว็บไซต์ จัดทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ประกวดภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ หรือประกวดชุดเสื้อผ้าตุ๊กตา นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ภาพตุ๊กตาของตัวเองขึ้นบนเน็ต ทั้งเพื่อโชว์และแลกเปลี่ยนซื้อขายกันเอง คุณๆที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมเยือนพวกเขาได้ที่เว็บไซต์ www.blythedoll.comนอกจากนี้ยังมีอีกสองเว็บที่น่าสนใจ คือ www.thisisbythe.com และwww.theblythestore.com
คุณรู้ไหมว่า
ดีไซเนอร์ที่ร่วมทีมออกแบบตุ๊กตาบลายธ์เมื่อปี 2515 มี 3 คนสังกัดบริษัท มาร์วิน กลาส สตูดิโอ ซึ่งโด่งดังมากในเรื่องการออกแบบของเด็กเล่น รูเบ็น เทอร์เซียน เป็นผู้ออกแบบลูกตา ซึ่งตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้กับตุ๊กตาสุนัข ส่วนลำตัวของตุ๊กตา แรกๆทีมงานก็ออกแบบให้ยาวได้ส่วนกับหัวที่มีขนาดใหญ่ของตุ๊กตา แต่ปรากฏว่ากล่องใส่มีขนาดสั้น จึงต้องลดส่วนความยาวลำตัวให้บรรจุได้พอดี ตุ๊กตาบลายธ์จึงหัวโตตัวสั้น ดูเหมือนการ์ตูน
+++ ตุ๊กตาบลายธ์สามารถบิดเอวและเข่าได้ เพื่อให้เปลี่ยนชุดได้ง่ายและสามารถโพสต์ท่าเหมือนนางแบบ และเธอก็ได้เป็นนางแบบจริงๆ เมื่อ จิน่า กาแรน (Gina Garan) ผู้ผลิตรายการทีวีและช่างภาพสาว ได้ จัดพิมพ์หนังสือรวมภาพถ่ายแฟชั่นตุ๊กตาบลายธ์ออกจำหน่าย เล่มแรกชื่อหนังสือ This is Blythe (พิมพ์ครั้งแรกปีค.ศ. 2000) เป็นภาพชุดตุ๊กตาบลายธ์ในสถานที่ต่างๆ และเล่มล่าสุด Blythe Style เป็นสมุดภาพรวมฮิตตุ๊กตาบลายธ์ในชุดหรูที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ห้องเสื้อดังระดับโลกอย่างปราดา กุชชี่ เวอร์ซาเช่ และวิเวียน เวสต์วูด นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดและโปสเตอร์ภาพตุ๊กตาบลายธ์ออกมาจำหน่ายอีกด้วย+++ในปี 2543 บลายธ์ปรากฏตัวในโฆษณาทางทีวีความยาว 15 วินาทีเป็นครั้งแรก โดยเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญช่วงเทศกาลคริสต์มาสให้กับปาร์โก้ (Parco) ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้าชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น โฆษณาชุดนี้เป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก และทำให้บลายธ์กลายเป็นขวัญใจของสาวๆญี่ปุ่นนับจากนั้นเป็นต้นมา วันแรกที่บริษัท ทาคาระ ผลิตตุ๊กตาบลายธ์รุ่น “ปาร์โก ลิมิเต็ด เอดิชั่น” จำนวน 1,000 ตัว ออกจำหน่าย ปรากฏว่าสินค้าขายเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง!!
+++ นับจากเดือนมิ.ย. 2544 – ก.ค. 2547 มีการผลิตตุ๊กตานีโอ บลายธ์ ออกมาแล้ว 37 แบบ และพีทิต บลายธ์ (ขนาดจิ๋ว) 48 แบบ
+++ ตุ๊กตาบลายธ์สามารถบิดเอวและเข่าได้ เพื่อให้เปลี่ยนชุดได้ง่ายและสามารถโพสต์ท่าเหมือนนางแบบ และเธอก็ได้เป็นนางแบบจริงๆ เมื่อ จิน่า กาแรน (Gina Garan) ผู้ผลิตรายการทีวีและช่างภาพสาว ได้ จัดพิมพ์หนังสือรวมภาพถ่ายแฟชั่นตุ๊กตาบลายธ์ออกจำหน่าย เล่มแรกชื่อหนังสือ This is Blythe (พิมพ์ครั้งแรกปีค.ศ. 2000) เป็นภาพชุดตุ๊กตาบลายธ์ในสถานที่ต่างๆ และเล่มล่าสุด Blythe Style เป็นสมุดภาพรวมฮิตตุ๊กตาบลายธ์ในชุดหรูที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ห้องเสื้อดังระดับโลกอย่างปราดา กุชชี่ เวอร์ซาเช่ และวิเวียน เวสต์วูด นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดและโปสเตอร์ภาพตุ๊กตาบลายธ์ออกมาจำหน่ายอีกด้วย+++ในปี 2543 บลายธ์ปรากฏตัวในโฆษณาทางทีวีความยาว 15 วินาทีเป็นครั้งแรก โดยเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญช่วงเทศกาลคริสต์มาสให้กับปาร์โก้ (Parco) ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้าชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น โฆษณาชุดนี้เป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก และทำให้บลายธ์กลายเป็นขวัญใจของสาวๆญี่ปุ่นนับจากนั้นเป็นต้นมา วันแรกที่บริษัท ทาคาระ ผลิตตุ๊กตาบลายธ์รุ่น “ปาร์โก ลิมิเต็ด เอดิชั่น” จำนวน 1,000 ตัว ออกจำหน่าย ปรากฏว่าสินค้าขายเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง!!
+++ นับจากเดือนมิ.ย. 2544 – ก.ค. 2547 มีการผลิตตุ๊กตานีโอ บลายธ์ ออกมาแล้ว 37 แบบ และพีทิต บลายธ์ (ขนาดจิ๋ว) 48 แบบ
"ตุ๊กตาบลายธ์" (Blythe) Blythe Doll
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)